วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

"Red Bee Shrimp" ที่สุดแห่งกุ้ง


.................กุ้งเรดบี (Red Bee Shrimp) ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วในประเทศญี่ปุ่น โดยการนำกุ้งบี ธรรมดามาผสมพันธุ์กันแบบสายเลือดชิด (ในธรรมชาติเราจะพบกุ้งบีได้ตามลำธารทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน) กุ้งบีจัดอยู่ในกลุ่มกุ้งแคระตระล “Caridima” เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวลำตัวเพียง 3-4 เซนติเมตรเท่านั้น ลำตัวจะสั้นป้อม มีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้ม สีดำไปจนถึงสีดำเหลือบน้ำเงิน มีปล้องสีขาวจาง ๆ สลับใส ตรงปลายส่วนหัวบริเวณกรีกลางตัวและอาจมีบ้าง บริเวณปลายหาง คุณซูซูกิ ผู้ผสมพันธุ์กุ้งเรดบีเป็นคนแรกได้มีการนำกุ้งบีหลายพันตัว ใช้เวลานาน กว่า 6 ปี หมดเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ผสมพันธุ์จนได้กุ้งบีที่มีลักษณะลำตัวเป็นสีแดงสลับกับปล้องใส จึงเป็นที่มาของกุ้งเรดบี

.................ราคาของเจ้าเรดบีขึ้นอยู่กับการแยกเกรด เราสามารถแบ่งเกรดของกุ้งได้จากความแดงของปล้องสีแดง ความหนาแน่นของเม็ดสีขาว และแถบสีขาวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เกรดต่ำที่สุด คือ เกรด D ต่อมาก็เป็นเกรด C, B, A และ S นับจากเกรด S นี้ สีแดงของกุ้งจะชัดเจน แถบสีขาวมีมากขึ้นและจะเริ่มพัฒนาต่อไปอย่างเห็นได้ชัดจากเกรดนี้ ต่อจากนั้นยังสามารถแยกกุ้งเกรด S ออกเป็น Level ต่างๆ ได้อีก 5 Level โดยเริ่มนับจาก Level 1 ไปจนถึง Level 5 ราคาของ เรดบี เริ่มตั้งแต่ 100 กว่าบาทไปจนถึงหลักแสน เช่น Level 5 ที่ราคาสูงสุดในขณะนี้คือ 100,000 บาท (ตัวเดียวนะครับ)

แพงๆ ก็หน้าตาแบบนี้แหละครับ

.................เนื่องจากไม่ใช่กุ้งป่าที่จับและรวบรวมมาจากธรรมชาติ แต่เป็นกุ้งที่ได้รับการคัดเลือกสายพันธุ์ในที่เลี้ยงอย่างพิถีพิถัน จะต้องมีการควบคุมน้ำและดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ กุ้งเรดบีไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในธรรมชาติเพราะเป็นกุ้งที่มีความเปราะบางมาก ไม่ถูกกับสารเคมีทุกชนิด เป็นกุ้งที่ชอบน้ำสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำสูง ชอบ สภาพน้ำที่เป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีค่า pH เฉลี่ย 6.2-7.2 (ที่เหมาะสมที่สุดน้ำที่ใช้เลี้ยงควรมีค่า pH = 6.5) ตู้ที่ใช้เลี้ยงกุ้งเรดบีควรมีขนาดตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไปพื้นตู้จะต้องปูด้วยดินภูเขาไฟ ในตู้จะต้องมีเครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ อุณหภูมิของน้ำจะต้องต่ำกว่าเลี้ยงปลาสวยงามทั่วไปคืออยู่ระหว่าง 22-25 องศาเซลเซียส จึงต้องมีเครื่องทำความเย็น (Chiller)

2 ความคิดเห็น: