วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

"Ashera" แมวโฮโซ

Ashera เป็นแมวพันธุ์ใหม่ ที่บอกว่าใหม่ก็เพราะว่าไม่ได้มีตามธรรมชาติแต่เป็นการผสมขึ้นเองโดยเทคนิควิศวะพันธุกรรม เพื่อการค้า และตอนนี้ก็ถือว่าเป็นแมวที่มีค่าตัวแพงที่สุดในบรรดาน้องแมวทั้งหลาย สำหรับคนที่จะเลี้ยงก็ต้องกระเป๋าหนักหน่อย



- แมวอาชีร่า (Ashera)เป็นแมวพันธุ์ใหม่ที่คิดค้นผสมพันธุ์โดยทีมงานบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค

- ผสมจาก แมวป่าแอฟริกัน (African Surval) แมวเสือดาวเอเชีย (Asian Leopard Cat) และแมวบ้าน

- น้ำหนักสูงสุดประมาณ 13 กิโลกรัม.

- อายุโดยประมาณ 25 ปี

- ราคา 22,000 $us

- ตัวที่ป้องกันการแพ้ขนแมว ราคา 28,000$us

- ถึงจะตัวใหญ่แต่ก็น่ารักเป็นมิตรและขี้อ้อนเหมือนแมวทั่วไป

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

"Mouse" เม้าส์

ใครจะรู้บ้างว่าเม้าส์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มันมาได้อย่างไร แล้วตอนนี้มันพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว

กำเนิดเม้าส์

- ผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1963 โดยดักลัส เองเกลบาท (Douglas Engelbart)

- ตอนแรกมีอีกชื่อหนึ่งคือ Bug แต่ไม่เป็นที่นิยม จึงเรียกว่าเม้าส์มาจนปัจจุบัน

-เริ่มแรกมีการผลิดหลายรูปแบบทั้งติดจมูก ติดคาง แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่เม้าใช้มือในการบังคับ

- เมาส์ตัวแรกใช้เฟือง 2 ตัววางในลักษณะตั้งฉากกัน เรียก X-Y Position Indicator For A Display System

- เมาส์แบบต่อมาถูกประดิษฐ์ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 โดย บิล อิงลิช (Bill English) เป็นเม้าส์แบบใช้ลูกกลิ้ง

- และในปัจจุบันก็มีเม้าแบบใช้แสงแทนซึ่งพัฒนาโดย บริษัท Logitech



White Tigers เสือขาวเบงกอล

เสือโคร่งขาวมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย จะเรียกกันว่า เสือเบงกอล เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบได้น้อยมากในธรรมชาติ โดยเสือโคร่งขาวตัวแรกพบที่ประเทศอินเดีย เป็นเสือโคร่งขาวเพศผู้ชื่อ “โมฮัน” แล้วจึงนำมาเลี้ยงร่วมกับเสือโคร่งเบงกอลเพศเมีย จากนั้นจึงได้ลูกหลานที่เกิดจาก “โมฮัน” ซึ่งเสือโคร่งขาวเช่นเดียวกันต่อมาอีกหลายตัว

ลักษณะ

- ลำตัวยาว 3 เมตร

- น้ำหนัก 180-285 kg

- ขนตามตัวเป็นสีขาวพาดด้วยลายสีดำ(บางตัวก็ขาวทั้งตัวไม่มีลาย)

- ตาสีฟ้าอ่อน

เสือขาวที่เกิดมาเพื่อเป็น เสือเบงกอล จะมีหน่วยพันธุกรรมขนสีขาวโดยกำเนิดเป็นปรกติ เป็นเสือที่ว่ายน้ำเก่ง แต่ความสามารถในการปีนต้นไม้ต่ำมากเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่นๆ นอกจากนี้แล้ว ยังวิ่งได้ค่อนข้างช้าแต่ความสามารถในการล่าเหยื่อยก็ไม่แพ้ เสือในตระกูลเดียวกัน เพราะเสือเบงกอลนั้นมีความสามารถในการหลบซ่อนตัวได้ดี เสือขาวที่มีในโลกตอนนี้ มีน้อยมากในธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ และก็มีเพียงประมาณ 200 ตัวเท่านั้น

อ้างอิง

http://www.indianchild.com/white_tigers.htm

http://www.dusitzoo.org/index.php?option=com_content&task=view&id=31&Itemid=47

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Telea Hairstreak ผีเสื้อที่หายสาบสูญ

Telea Hairstreak เทเลีย แฮสตรีก ถูกค้นพบโดยนักท่องเที่ยวนามว่า เบอรี่ แนล ชาวเมืองฟอลคอนไฮต์ เขาได้ถ่ายไว้โดยไม่รู้ว่ามันคือสายพันธุ์อะไร เขาจึงนำไปแปะไว้ตามเวปไซต์ จนสุดท้าย ผู้ที่ตอบคำถามได้ก็คือ นายไมก์ ควินน์ เจ้าหน้าที่อุทยานเท็กซัส โดยเขาได้นำภาพไปเปรียบกับภาพผีเสื้อต่างๆ ในหนังสือ จนมาถึงภาพพันธุ์ Telea Hairstreak ที่เอเวอรี่ ฟรีแมนถ่ายไว้ได้เมื่อ ค.ศ. 1935 ควินน์ก็พบว่า ภาพผีเสื้อของแนลเหมือนกับผีเสื้อพันธุ์นี้ทุกประการ จากนั้นมา ไม่เคยมีใครได้เห็นมันอีก เป็นเวลากว่า 70 ปี

ลักษณะโดยทั่วไป
ช่วงปีก : 5 / 8 - 7 / 8 นิ้ว (1.6-2.2 ซม.).
ลักษณะที่สังเกตุได้ : ตัวผู้จะมีสีของปีกด้านบนเป็นสี ม่วงอมฟ้า ส่วนตัวเมียจะเป็นสีน้ำเงิน-เทาหม่นๆ
ช่วงชีวิต : ไม่มีการรายงานเนื่องจากไม่ได้ถูกค้นพบมากว่า 70 ปี
ช่วงที่เป็นด้วง : Flowers of Guazuma (Costa Rica) and Central American soapberry (Peru).
อาหาร : น้ำหวานจากเกสรดอกไม้
แหล่งที่พบ : เขตป่าร้อนชื้น
อาณาเขต : ภาคใต้ของบราซิลไปจนถึง แมกซิโก และพบได้ยากมากที่ ทางใต้ของเทกซัส

credit

http://davesgarden.com/guides/bf/go/768/


วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Ecosse Titanium มอเตอร์ไซค์สุดหรู

ช่วงนี้ ไปไหนมาไหนก็เจอแต่คนขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ไม่ก็รถเก่า ไม่ก็ คันเล็กๆ เป็นกลุ่มๆ ก้อนๆ ไปเที่ยวกัน ก็ดันไปเจอเจ้า ตัวจี๊ดตัวนี้เข้า เอามาเผื่อให้คนรักมอเตอร์ไซค์จะได้น้ำลายไหลกันเล่นๆ และชื่อของมันก็คือ Ecosse Titanium Series

Ecosse Titanium Series ทำจากเฟรมไทเทเนียมทั้งคัน เป็นรุ่นแรกของโลก นอกจากนั้นยังใช้เครื่องยนต์ที่ทำจาก polished billet aluminium 2150 cc เครื่องยนต์รูปตัว v-twin ทำให้ได้กำลังสูงถึง 200 แรงม้า ราคา USD$275,000

ซึ่งบริษัท ESCOSSE ได้ผลิตออกมาหลักๆ แล้ว 2 รุ่น สำหรับ นักขับที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ ซึ่งแต่ละแบบก็มีความโดดเด่น ไม่เหมือนกัน ดังนี้

Titanium Series

Experimental-6 (X-4)

Experimental-6 (X-5)

Experimental-6 (X-6)

หน้าตาจะคล้ายๆ กันประมาณนี้แหละครับ




ECOSSE SPIRIT


อันที่จริงแล้ว มอเตอร์ไซค์ ของบริษัทนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นมอเตอร์ไชด์ที่แพงที่สุดในโลกด้วย ในแง่ของการผลิตขายจริงๆ ในตลาด แต่ถ้าพูดในแง่ของแพงที่สุดในโลกที่เคยผลิตขึ้นมาบนโลก ก็ต้องเป็นอีกรุ่นหนึ่งครับ เอาไว้วันหลังจะ up2date ให้ได้เห็นกันนะครับ

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

"Atonov" ที่สุดแห่งเครื่องบิน

จากภาพที่เห็นก็คงไม่ต้องสงสัยถึงความยิ่งใหญ่อลังการของเครื่องบิน Atonov 225 เครื่องบินที่สามารถบรรทุกได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งกระสวยอวกาศ

ANTONOV 225 หรือ A 225ออกแบบและสร้างโดย O.K.Antonov ASTC ในปีพ.ศ. 2531 แต่เป็นที่น่าเสียใจ เนื่องจากปีที่ O.K.Antonov สร้างเป็นปีที่ O.K.Antonov ตายนั้นเอง ANTONOV 225เป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของรัสเซีย(เมื่อก่อนเป็นสหภาพโซเวียต) เคยเป็นเครื่องบินที่ใช้ในสงครามเย็น สามารถบรรจุ รถถัง เครื่องบินไอพ่น และ ด้านบนของเครื่องบนสามารถบรรทุกเครื่องบินอีกลำได้ด้วย เมื่อก่อนใช้บรรทุกกระสวยอวกาศที่มีชื่อว่า Buran มีทางออก 2 ทาง คือ เมื่อนำรถถังเข้าทางท้ายเครื่อง สามารถเปิดหัวเครื่องเพื่อนำรถถังออกทางข้างหน้าได้อีกด้วยอะ และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย เครื่องบินลำนี้ถูกเก็บอยู่ที่ยูเครนประมาณ 8 ปี จนถึงปี 2001 โครงการนี้ได้นำมาสานต่อ ANTONOV 225 จะต้องบินอีก 8 ครั้งเพื่อที่จะผ่านมาตรฐานเครื่องบิน และต้องเชิญนักบินคนเดิม กลับมาประจำหน้าที่อีกครั้ง หลังจากที่ANTONOV 225 เคยที่ใช้ทำงานในสงคราม แต่ปัจจุบัน เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินขนส่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถลงจอดได้ทุกสภาพ ANTONOV 225 มี 6 เครื่องยนต์ ให้แรงมหาศาล ถึง 300,000 ปอนด์ น้ำหนัก 600 ตัน มีล้อ 32 ล้อความเร็ว 750-850 กม./ชั่วโมง น้ำมันเชื้อเพลิง 280 ตัน หรือ 76,000 แกลลอน ถ้าเติมเต็มถัง ซึ่งจะเท่ากับ เติมรถยนต์ทั่วไปได้ 6,000 คัน กำลังบรรทุกมากกว่า 250 ตัน เครื่องบินลำนี้สามารถบรรทุกรถถังได้ถึง 4 คันในเที่ยวเดียว หรือใส่รถยนต์เข้าไปได้ถึง 80 คันเป็นเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบเดียวในโลกที่สมารถขึ้นลงรันเวย์ ที่เป็น ลูกรัง ที่ราบทุ่งหญ้าทรุนดา พื้นหิมะ พื้นนำแข็ง เพราะเครื่องบินลำนี้เคยไปใช้งานที่ขั้วโลกมาแล้ว และที่สำคัญ ขนย้ายเครื่องAir Bus 380 ได้สบายมาก ๆ เห็นแล้วสุดยอด ถูกเปิดตัวครั้งแรกในเชิงพานิชย์ที่Air Paris และเป็นเครื่องบินพานิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บินครั้งแรก วันที่ 1 ธ.ค.1988 พิสัยการบิน 8,000 ไมล์ หรือเท่ากับ นิวยอร์ค – ฮ่องกง แล้วต้องเติมน้ำมันใหม่อีกครั้ง เพราะมันรับประทานน้ำมันถึง 18 ตัน / ชม. แล้วแต่น้ำหนักบรรทุกด้วย

ประเทศไทยเราก็เคยใช้บริการเครื่องบินลำนี้มาแล้ว โดยใช้ในการขนส่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแต่ละเที่ยวบินจะสูง 50 ล้านบาท การขนส่งรถไฟฟ้าใต้ดินขบวนแรกของไทยดำเนินการทั้งหมด 3 เที่ยวบินเที่ยวบินละ 1 ตู้ เสียค่าใช้จ่ายไปราวๆ 150 ล้านบาทส่วนอีก 18 ขบวน รวม 24 ตู้ที่เหลือจะขนส่งมา "ทางเรือ"

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

B-2 เครื่องบินแพงที่สุดในโลก

และเครื่องบินที่ครองอันดับความแพงที่สุดในโลกในขณะนี้ก็คือ B-2 stealth bomber ซึ่งได้รวมการปฏิวัติทางเทคนิคด้านอวกาศ และการออกแบบ ก้าวเข้าสู่โลกอากาศยานที่ก้าวหน้าที่สุด B-2 มีคุณ สมบัติพิเศษเหมือนปีกบินได้ ที่ สามารถ บรรทุก อาวุธ นิวเคลีย และอาวุธ ธรรมดา B-2 ยังสามารถปฏิบัติการโดยใช้เครื่องบิน คุ้มกัน น้อยกว่า เครื่องบิน ทิ้งระเบิด ทั่วๆไป ความสามารถในการปฏิบัติการไกลทำให้ มันโจมตี ที่หมาย ได้ทุกแห่งในโลก โดยปฏิบัติการจากฐานในสหรัฐ และการที่มันสามารถบรรทุกน้ำหนัก ได้มาก มันจึงสามาถโจมตีที่หมายได้ถึงแปดแห่งในการออกปฏิบัติการครั้งหนึ่ง B-2 มีคุณสมบัติ เฉพาะตัวที่ตรวจจับได้ต่ำมากจึง ทำให้สามารถฝ่าแนวป้องกันไปโจมตีเป้าหมาย และกลับที่ตั้ง อย่างปลอดภัยB-2 สร้างโดยบริษัท Northrop Grumman and Vought. B-2 ลำแรกออกจากโรงงานที่ palmdale,calif, ในเดือน พ.ย. 1988. และบินครั้งแรกวันที่ 17 เดือน ก.ค. 1989.


คุณลักษณะ B-2 BOMBER

เครื่องยนต์ Genral Electric F118-GE-100
จำนวนเครื่องยนต์ 4
แรงขับเครื่องยนต์ 19,000 lbs
ความยาวของปีก 172 ft.
ความยาวลำตัว 69 ft.
ความเร็ว 475 ไมล์ /ช.ม
น้ำหนัก เปล่า 100,000 to 110,000 lbs
น้ำหนัก วิ่งขึ้น 400,000 lbs
ระยะทำการบิน มากกว่า 11,515 ไมล์
เพดานบิน 50,000 ฟุต
จำนวนเจ้าหน้าที่ 2 นักบิน และหัว หน้าปฏิบัติการ
อาวุธ สามารถบรรทุกได้ทั้ง นิวเคลียและธรรมดารวมทั้งระเบิดหย่อนสามารถ บรรทุก ระเบิดได้ถึง 50,000 ปอนด์

cradit

http://www.thaitechnics.com/aircraft/b2_t.html

F-22 Raptor เครื่องบินรบนินจา


และนี่ก็คือเครื่องบินรบพิสัยกลาง-ไกลที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ F-22 Raptor เป็นเครื่องบินรบที่มีราคาแพงเป็นอันดับสองของโลก ที่ผลิตมาเพื่อใช้ในกองทัพอากาศสหรัฐเพียงประเทศเดียวเท่านั้น จุดเด่นของเครื่องบินรบ F-22 RAPTOR คือเป็นเครื่องบินที่มีความสามารถสูงในการหลบหลีกการตรวจจับ ของสัญญานเรดาร์อีกทั้งขีดความสามารถในการรบก็สูงไม่แพ้เครื่องบินรบรุ่นอื่นๆเลย ซึ่งในปี ค.ศ. 2007 ทางกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้ทำการทดสอบบินเครื่อง F-22 RAPTOR เพื่อทดสอบความสามารถในการ รบ และในครั้งนั้นทางกองทัพได้ให้คะแนนไว้ถึง 97%

รายละเอียด F-22

- ผู้สร้าง ล็อกฮีด/โบอิง (สหรัฐอเมริกา)
- ประเภท เจ๊ตขับไล่ทางยุทธวิธีครองความเป็นจ้าวอากาศ ที่นั่งเดียว สามารถอำพรางตัวได้ พื้นผิวเครื่องบินสะท้อนเรดาร์น้อยจนรอดจากการตรวจจับของศัตรู
- ลูกเรือ 1 นาย
- ความยาว 18.9 เมตร
- ความยาวจากปลายปีกหนึ่งสู่อีกปลายหนึ่ง 13.56 เมตร
- ความสูง 5.08 เมตร
- พื้นที่ปีก 78.04 ตารางเมตร
- น้ำหนักเปล่า 19,700 กิโลกรัม
- น้ำหนักพร้อมอาวุธ 29,300 กิโลกรัม
- น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด 38,000 กิโลกรัม
- ขุมกำลัง เครื่องยนต์เทอร์โบแฟนแบบแพรทท์แอนด์วิทนีย์ เอฟ119-พีดับลิว-100 สองเครื่องยนต์ ให้แรงขับเครื่องละ 35,000 ปอนด์
- ความจุเชื้อเพลิง ภายใน 8,200 กิโลกรัมหรือ 11,900 กิโลกรัมเมื่อรวมกับถังเชื้อเพลิงภายนอก
ความเร็วสูงสุด
- ความสูงทั่วไป 2.25 มัค (2,410 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
- ซูเปอร์ครูซ 1.82 มัค (1,963 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
- พิสัยทำการ 2,960 กิโมเมตร พร้อมถังเชื้อเพลิงภายนอก
- รัศมีทำการรบ 759 กิโลเมตร
- เพดานบินปกติ 65,000 ฟุต
- อัตราแรงขับต่อน้ำหนัก 1.08 (1.26 พร้อมกับเชื้อเพลิงครึ่งหนึ่ง)
- อาวุธ
ปืนใหญ่อากาศ เอ็ม61เอ2 ขนาด 20 มม. 1 กระบอก กระสุน 480 นัด
ภารกิจอากาศสู่อากาศ
- เอไอเอ็ม-120 แอมแรม จำนวน 6 ลูกในห้องบรรทุกอาวุธภายในลำตัว 2 ห้อง
- เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ จำนวน 2 ลูก
ภารกิจอากาศสู่พื้น
- เอไอเอ็ม-120 แอมแรม 2 ลูก
- เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ 2 ลูก
- ระเบิดนำวิถี จีบียู-32 เจแดม ขนาด 1,000 ปอนด์ 2 ลูก
- ระเบิดเอสดีบี ขนาด 250 ปอนด์ นำวิถีด้วยจีพีเอส

การพรางตัว
เพื่อเข้าสู่การพรางตัวหรือล่องหนนั้น เอฟ-22 จะต้องบรรทุกอาวุธเอาไว้ภายใน ในภาพเป็นตอนที่ช่องเก็บอาวุธถูกเปิดออก ถึงแม้ว่าเครื่องบินรบมากมายของตะวันตกในปัจจุบันจะถูกตรวจจับได้ยากบนจอเรดาร์ด้วยการใช้วัสดุที่ดูดซับการสะท้อนของเรดาร์ เอฟ-22 ถูกออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยระบบมากมายที่ป้องกันทั้งภาพ อินฟราเรด เสียง และคลื่นความถี่วิทยุการล่องหนของเอฟ-22 นั้นมาจากการผสมผสานของปัจจัยที่รวมทั้งรูปทรง การใช้วัสดุดูดซับเรดาร์ และใส่ใจในรายละเอียดกระทั่งบานพับและหมวกของนักบินที่อาจสะท้อนเรดาร์ได้อย่างไรก็ตามการใช้โครงสร้างก็เป็นเพียงปัจจัยหนุ่งในทั้งหมดห้าที่ผู้ออกแบบตั้งใจที่จะสร้างการอำพรางให้กับเอฟ-22 เอฟ-22 ยังถูกออกแบบให้ปลอมการส่งอินฟราเรดของมันเมื่อทำให้ขีปนาวุธติดตามความร้อนทั้งแบบอากาศสู่อากาศและพื้นสู่อากาศตรวจจับมันได้ยาก ผู้ออกแบบยังทำให้มันถูกมองเห็นได้ยากด้วยตาเปล่าและควบคุมการกระจายของวิทยุและเสียงแร็พเตอร์มีที่เก็บอาวุธที่ด้านใต้ท้องเพื่อซ่อนความร้อนจากขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ

credit

http://th.wikipedia.org/wiki/F-22_Raptor

http://www.vcharkarn.com/varticle/39422

"AH-64 Apache" เอเอช-64 อาพาชี่

Apache คือ รุ่นของเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น สุดยอดเฮลิคอปเตอร์ในยุคปัจจุบัน มันสุดยอดยังไง มาดูกัน

ที่มาที่ไป

เอเอช-64 อาพาชี่ (อังกฤษ: AH-64 Apache) (มักอ่านผิดว่า อา-ปา-เช่ แต่แท้จริงแล้วอ่านว่า อา-พา-ชี่) เป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมสองเครื่องยนต์ สี่ใบพัด พร้อมล้อสามล้อ และห้องนักบินแบบเรียงเดียวสำหรับสองที่นั่ง อาพาชี่ถูกพัฒนาในชื่อโมเดล 77 โดยฮิวจ์ส เฮลิคอปเตอร์สให้กับโครงการของกองทัพบกสหรัฐเพื่อแทนที่เอเอช-1 คอบรา มันได้ทำการบินครั้งแรกในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 เอเอช-64 มีจุดเด่นที่ปืนกล เอ็ม230 ขนาด 30 ม.ม.คาลิเบอร์ที่จมูกของมัน เอเอช-64 ยังใช้เอจีเอ็ม-114 เฮลไฟร์และไฮดรา 70 สี่ตำแหน่งบนปีกทั้งสองข้าง เอเอช-64 ยังมีระบบการอยู่รอดที่ดีเยี่ยมสำหรับเครื่องบินและลูกเรือในการต่อสู้ เช่นเดียวกับในกรณีที่มันตกเพื่อช่วยเหลือนักบิน

การออกแบบ
เอเอช-64 มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์แบบเจเนรัลอิเลคทริค ที700 สองเครื่องพร้อมกับท่อไอเสียทั้งสองด้าน อาพาชี่มีใบพัดหลักสี่ใบและใบพัดหางสี่ใบ ลูกเรือจะนั่งเรียงตามหลังกันโดยมีนักบินนั่งอยู่ด้านหลังเหนือนักบินผู้ช่วยหรือพลปืนที่อยู่ด้านหน้า ห้องนักบินและถังเชื้อเพลิงจะหุ้มด้วยเกราะที่ทำให้มันยังสามารถบินได้ถึงแม้ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด 23 ม.ม.เฮลิคอปเตอร์นี้ติดอาวุธเป็นปืนกล เอ็ม230 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับหมวกของนักบินหรือควบคุมผ่านระบบมองกลางคืนได้ เอเอช-64 ยังติดตั้งอาวุธที่ปีกทั้งสองข้างของมันซึ่งจะประกอบด้วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบเอจีเอ็ม-114เฮลไฟร์ จรวดไฮดรา 70 ขนาด 70 ม.ม.และขีปนาวุธอากาศสู่อากาศแบบเอไอเอ็ม-92 สติงเกอร์ สำหรับป้องกันตัวเอเอช-64 ถูกออกแบบมาให้ทนทานกับสภาพแวดล้อมที่แนวหน้าและปฏิบัติการได้ทั้งในตอนกลางวันหรือกลางคืนและในสภาพอากาศที่ย่ำแย่โดยใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิคของมัน อย่าง ระบบมองกลางคืน พลุล่อเป้า และหมวกแบบพิเศษ

รายละเอียด เอเอช-64 อาพาชี่

- ผู้สร้าง บริษัท โบอิง ,แมคดอนเนลล์ ดักลาส,และฮิวส์
- เครื่องยนต์ 2 ยีอี ที 700-จีอี-701ซี ให้แรงขับ 3,780 แรงม้า
- ยาว 15.47 เมตร
- สูง 4.95 เมตร
- กว้าง 5.23 เมตร
- พื้นที่ใบพัดหลัก 168.11 ตารางเมตร
- พื้นที่ใบพัดส่วนหาง 6.13 ตารางเมตร
- น้ำหนักเปล่า 5,352 กิโลกรัม
- น้ำหนักสูงสุด 10,107 กิโลกรัม
- จำนวนใบพัดหลัก 4 แฉก
- เพดานบินใช้งาน 6,400 เมตร
- เพดานบินตรวจการณ์ 4,115 เมตร
- ความเร็วสูงสุด 261 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รัศมีทำการ 407 กิโลเมตร
- อาวุธ ปืนใหญ่อากาศ เอ็ม 230 เชนกัน ขนาด 30 มม. อัตรายิง 625 นัด/นาที
- อาวุธต่อต้านรถถัง 16 อาร์เอฟ เฮลไฟล์
- จรวดขนาด 2.75 นิ้ว
- อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศขนาดเบานำวิถีด้วยอินฟราเรด

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เที่ยวอ่างทองดู พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก

บางคนก็อาจจะเคยได้อ่านมาบ้างแล้วกับพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกองค์ใหม่ของไทยเรา





ความเป็นมา

หลังจากพระพุทธรูปที่ตาลีบัน ถูกทำลายลงไป ความโด่งดัง ความยิ่งใหญ่ ในงานศิลปะพระพุทธรูป ก็ดูจะถูกบันทอน เราไม่เคยได้ยินงานบุญใดๆที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปขนาดใหญ่สักเท่าไร แต่ไม่น่าเชื่อว่า 25 ปีที่แล้ว หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้ คิดและตั้งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตัก 1 ไร่ 9 ตรางวา ใครจะไปเชื่อ พร้อมๆกับ การก่อสร้างวัด ก็คือ การสร้างพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ

หลังจากสร้างตั้งแต่ปี 2526 จนถึงปี 2544 ใช้เงินไป 50 ล้านบาท แต่ก็ยังทำได้แค่ครึ่งองค์ เนื่องจากหลวงพ่อเกษม ได้มรณะภาพไป งานก็มาสะดุดลง ทิ้งโครงสร้างเอาไว้ แม้นเวลาจะเดินทางรวดเร็ว จนหลวงพ่อมรณะภาพไปแล้วก็ตาม แต่บุญครั้งนี้ได้ถูกสานต่อและสร้างจนแล้วเสร็จ งดงามอย่างหาที่ติมิได้ วัดหัวตะพาน จากเคยเป็นวัดร้างไป ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย พอกรุงแตกก็ถูกทิ้งรกร้าง แต่ก็มีพระ คือหลวงพ่อเกษม เดินทางมาบูรณะ และสร้างงานศิลปะให้พระพุทธศาสนา

เริ่มจาก โบสถ์ที่มีดองบัวโอบอุ้มใหญ่ที่สุดในโลก วิหารเงิน(ที่ประดับด้วยกระจกสะท้อนทั้งหลัง สวนนรกภูมิ ที่สอนเตือนจิตใจให้กับประชาชนที่เดินทางมาทำบุญไม่ให้ประมาทในการดำเนินชีวิต และงานชิ้นสำคัญที่เริ่มทำพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ งานศิลปะปูนปั้นใหญ่ที่สุดในโลก ปางมารวิชัย โดยมีหน้าตักกว้างถึง 67 เมตร(เข่าซ้ายถึงเข่าขวา) และสูงถึง 92 เมตร สร้างนานถึง 25 ปีเต็ม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์อุปถัมป์พุทธศาสนา

และต่อมาทางกรมราชองค์รักษ์ โดยพล.อ ณพล บุญทับ ได้เป็นเจ้าภาพ ตั้งกองทุนเพื่อสานต่อความตั้งใจเดิมของหลวงพ่อเกษม ระดมเงินสร้างต่อ จนถึง 105 ล้านบาท เพื่อจะถวายเนื่องในวโรกาส 80 พรรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปลายปี การก่อสร้างได้สำเร็จลุร่วมถึง 90 เปอร์เซนต์ เหลือแต่ปูหินอ่อน ด้านฐาน และ เรื่อนรับเสด็จ พระพุทะมหานวมินทรฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธ ที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม ที่สุดในโลกก็ว่าได้ หากจะดูพระพักต์ต้องถ้อยออกจากฐานประมาณ 100 เมตร และถ้าจะเดินเวียนฐาน ต้องใช้เวลาเดิน ประมาณ 3 นาที ในตัวองค์พระมีบรรไดขึ้นไปชมทัศนียภาพ รอบวัด สามารถขึ้นไปได้ประมาณ ช่วงท้องเท่านั้น งานก่อสร้างใช้คนงานที่รับช่วงนานขนาดลูกที่เกิดมายังช่วยมาสร้างพระต่อ

โครงการพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ
พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ก่อสร้างเป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นชั้นๆ แบบโครงสร้างตึกสูง ๓๒ ชั้น ก่ออิฐถือปูนฉาบทาสีทอง ตลอดทั้งองค์
- หน้าตักกกว้าง( หัวเข่าขวา-หัวเข่าซ้าย)กว้าง ๖๒.๐๐ เมตร

- ความสูง(จากพื้นดิน-พระเกศา)สูง ๙๓.๐๐ เมตร
- ช่วงแขน(หัวไหล่-ข้อศอก)ยาว ๒๕.๐๐ เมตร (ข้อศอก-ข้อมือ)ยาว ๓๐.๐๐ เมตร(ข้อมือ-ปลายนิ้ว)ยาว ๑๕.๐๐ เมตร(หน้าอก)กว้าง ๗๕.๖๐ เมตร
- ใบหน้า(ปลายคาง-หน้าผาก)สูง ๑๒.๐๐ เมตร(จมูก-หน้าผาก)สูง ๙.๕๐ เมตร(ใบหู)สูง ๔.๐๐ เมตร
- เศียร(พระศอ-พระเกศ (เลาธาตุ) )สูง ๒๖.๕๐ เมตร (พระศอ-พระเมาลี)สูง ๒๔.๐๐ เมตร* พระเกศสูง ๑๓.๐๐ เมตร
- พระเมาลีสูง ๔.๗๐ เมตร
- เปลวรัศมีเม็ดพระศกสูง ๑๕.๐๐ เมตร(ประดับเม็ดพระศก ๕๐๖ เม็ด แต่ละเม็ด มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๒๐ เมตร)



เริ่มวางศิลาฤกษ์ในวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๔ ( วันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๔ ) ปีมะเมีย วางศิลาฤกษ์เวลา ๙.๐๐ น. โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณคาราม กทม. ประธานฝ่านสงฆ์ คือ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างและหาทุน สร้างเสร็จสิ้น ในวันศุกร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ( วันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ) ปีกุน รวมเวลาในการก่อสร้างพระพุทธรูป ๑๖ ปี มูลค่าในการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น ๑๐๖ ล้านบาท จากจิตศรัทธาพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ


และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนได้ลองผ่านไปที่ จังหวัดอ่างทองละก็ ลองแวะไปนมัสการกันดูนะครับ


วัดม่วงบ้านหัวตะพาน หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

โทร. 035-631556, 035-631974 E-mail : Website :http://www.watmuang.com/

credit

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=253828

http://travel.mthai.com/view/40620.travel

ผ้าไหมใยแมงมุม


ไซมอน เพียร์ส คือผู้ผลิตผ้าไหมใยแมงมุมสีทองผืนนี้ ซึ่งเป็นผ้าคลุมไหล่ขนาดยาว 11 ฟุต ใช้เวลาในการถักทอทั้งสิ้น 5 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งสิ้นมากกว่า 15.7 ล้านบาท ผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ ผลิตจากใยของแมงมุม “golden orb spider” ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ในมาดากัสการ์ จำนวนกว่า 1 ล้านตัว และมีเพียงตัวเมียเท่านั้นที่จะผลิตเส้นใยสีทองที่ทั้งสวยงามและมีความแข็ง แรงทนทาน จนสามารถนำมาใช้งานได้ นายนิโคลาส ก็อดเล่ย์ หุ้นส่วนของนายเพียร์ส กล่าวว่า กว่าจะได้ใยไหมเพียง 1 ออนซ์ (0.028 ก.ก.) ต้องใช้แมงมุมมากถึง 14,000 ตัว และผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ก็มีน้ำหนักราว 2.6 ปอนด์ (1.179 ก.ก)




นายเพียร์ส ได้แรงบันดาลใจในการทอผ้าใยแมงมุมมาจากเรื่องเล่าขานที่ว่า เคยมีหัวหน้านักล่าอาณานิคมชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 นำใยของแมงมุม “golden orb spider” ในมาดากัสการ์ มาใช้ทอผ้า อย่างไรก็ตาม เขาสารภาพว่า “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า ตำนานดังกล่าวเป็นเรื่องชัวร์หรือมั่วนิ่ม”หลังใช้ความพยายาม เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ผลงานในครั้งนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ และถือเป็นผ้าที่ทำจากใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตมา โดยผ้าจากใยแมงมุมที่เคยมีคนทำมาก่อนหน้า มีความยาวเพียงไม่กี่เซ็นติเมตร ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลียง ประเทศฝรั่งเศส

credit

http://www.canada.com/technology/science/Golden+tapestry+woven+from+spider+silk+goes+show/2103611/story.html

'Rainbow' roses (กุหลาบสีรุ้ง)

หลังจากผ่านวันวาเลนไทน์มาหยกๆ ผมก็ได้ไปเจอกับเจ้าดอกกุหลาบตัวนี้เข้าเลยลองเอามาให้เพื่อนๆ ดู

กุหลายสีรุ้ง ได้ถูกพัฒนา โดยนาย Peter van de Werken ชาวเนเธอร์แลนด์ นักวิจัยพืชสวน ผลงานวิจัยนี้เขาเก็บเป็นความลับ จึงยังไม่มีใครทราบว่าทำอย่างไร เขาบอกแต่เพียงว่าใช้เทคนิคการย้อมสี และตอนนี้เขาก็กำลังวิจัยดินที่ใช้ปลูกแล้วจะได้กุหลาบออกมามีหลายสี ซึ่งอีกไม่นาน พวกเราก็อาจจะสามารถปลูกดอกกุหลาบแบบนี้ได้เองในอนาคต





อ้างอิง



http://www.happy-roses.com/